
แสงสีแดง (Red Light Therapy) ดีจริงไหม? ไขคำตอบเทคโนโลยีความงามที่กำลังมาแรง!
ช่วงนี้หลายคนอาจเคยเห็นการบำบัดที่ใช้ แสงสีแดง ส่องทั่วใบหน้า แล้วสงสัยว่า “นี่คืออะไร? ทำไมต้องใช้แสงสีนี้? แล้วมันดีจริงอย่างที่เขาว่ากันไหม?” วันนี้เรามาไขความลับของ Red Light Therapy แบบเข้าใจง่าย ๆ กันค่ะ
แสงสีแดงทำงานอย่างไรในผิวของเรา?
ลองนึกภาพว่าผิวของเราประกอบด้วยเซลล์เล็ก ๆ และในเซลล์เหล่านั้นมี “โรงงานผลิตพลังงาน” (ที่เรียกว่า ไมโตคอนเดรีย) หน้าที่ของแสงสีแดง (ความยาวคลื่นประมาณ 630-850 nm) ก็เหมือนกับการ “เติมเชื้อเพลิง” ให้โรงงานเหล่านี้ทำงานได้ดีขึ้น เมื่อเซลล์มีพลังงานมากขึ้นทำให้
- ผลิตคอลลาเจนและอิลาสตินได้มากขึ้น ทำให้ผิวแน่น กระชับ และช่วยลดเลือนริ้วรอยตื้น ๆ
- ฟื้นฟูตัวเองได้เร็วขึ้น ช่วยให้ผิวที่เสียหายจากสิวหรือรอยแผลเป็นดีขึ้น
- ลดการอักเสบ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิว หรือผิวแพ้ง่าย

ปลุกผิวให้ตื่น! การบำบัดด้วย “แสงสีแดง” คือกุญแจสู่ผิวที่ฟื้นฟูและอ่อนเยาว์
คุณเคยรู้สึกไหมว่าผิวเราฟื้นตัวช้าลงเรื่อย ๆ ? นั่นเป็นเพราะเซลล์ผิวของเราเริ่มทำงานได้ไม่เต็มที่ แต่ไม่ต้องกังวล! วันนี้มีเทคโนโลยีที่ช่วย “เติมพลัง” ให้เซลล์ผิวกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง นั่นคือ “การบำบัดด้วยแสงสีแดง” (Red Light Therapy) ครับ
การบำบัดร่างกายด้วย “แสงสีแดง” ช่วยฟื้นฟู ซ่อมแซม และสร้างเซลล์ใหม่
คือ การใช้แสงสีแดง และแสงอินฟราเรดความยาวคลื่นต่ำมาฉายลงบนผิวหนัง เพื่อเข้าไปกระตุ้น “ไมโตคอนเดรีย” ซึ่งเป็นแหล่งสร้างพลังงานของเซลล์ทำให้เซลล์ผิวทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยลดการอักเสบ บวม แดง สมานแผลได้เร็วขึ้น รวมถึงช่วยให้ผิวยืดหยุ่น ลดเลือนริ้วรอย ดูอ่อนเยาว์ขึ้น

“แสงสีแดง” (Red Light Therapy) ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ? ประโยชน์ที่มากกว่าแค่ผิวสวย !
หากคุณคิดว่า Red Light Therapy เป็นเพียงแค่ทรีตเมนต์เพื่อความสวยงาม คุณอาจมองข้ามประโยชน์สำคัญไป! เพราะการบำบัดด้วยแสงสีแดงนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประโยชน์ครอบคลุมทั้งเรื่องผิวพรรณ การรักษาอาการอักเสบ และการฟื้นฟูร่างกาย
- ลดการอักเสบของผิว: แสงสีแดงช่วยให้ผิวที่อักเสบหรือถูกทำร้ายเย็นลง และเร่งการฟื้นฟูตัวเองได้เร็วขึ้น
- ฟื้นฟูแผลหลังศัลยกรรม: ช่วยลดอาการบวม ลดการเกิดแผลเป็น และทำให้แผลหลังการผ่าตัดหรือทำหัตถการต่าง ๆ หายเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
- ลดอาการปวดข้อกระดูกและกล้ามเนื้อ: แสงสีแดงช่วยบรรเทาอาการปวดเรื้อรัง คลายกล้ามเนื้อที่เกร็ง และลดการอักเสบในข้อต่อได้ลึกถึงระดับ
เนื้อเยื่อ - กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน: ช่วยกระตุ้นเซลล์ในชั้นผิวให้ผลิต คอลลาเจนและอีลาสติน เพิ่มขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น ลดเลือนริ้ว
รอย และดูอ่อนเยาว์ลง - เพิ่มการไหลเวียนของเลือด: แสงจะกระตุ้นการปล่อยสารสำคัญที่ช่วยให้หลอดเลือดขยายตัว ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น ส่งผลให้ร่างกายและผิวได้
รับสารอาหารเต็มที่ - รักษาสิวเรื้อรังและสิวอักเสบ: ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว และลดรอยแดงจากการอักเสบของสิว ทำให้ปัญหาผิวเรื้อรังดีขึ้นได้
Red Light Therapy จึงเป็นทางเลือกที่ปลอดภัย ไม่เจ็บ และครบวงจร เหมาะสำหรับทุกคนที่ต้องการฟื้นฟูตัวเองตั้งแต่ระดับเซลล์ ไม่ว่าจะเพื่อความสวยงามหรือเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นค่ะ

3 คุณสมบัติเด่นของ PROGRAM RED Light THERAPY
1. เทคโนโลยีแสงหลายความยาวคลื่น ที่เน้น 830 nm
การใช้ แสงหลายความยาวคลื่น (Multi-Wavelength) ทำให้การบำบัดนี้ทำงานได้อย่างครอบคลุม โดยเฉพาะการเน้นที่แสง LED ในช่วง 830 nm (นาโนเมตร) ซึ่งถือเป็นช่วงแสงอินฟราเรดใกล้ (Near-Infrared Light)
- แสงในย่าน 830 nm เป็นช่วงที่สามารถ ซึมลึก ลงไปใต้ชั้นผิวหนังได้ดีที่สุด โดยจะตรงเข้ากระตุ้น “ไมโตคอนเดรีย” (โรงงานพลังงานของเซลล์) ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ทำให้การฟื้นฟู ซ่อมแซม
และการสร้างคอลลาเจนใหม่เกิดขึ้นในชั้นผิวที่ลึกกว่าการใช้แสงทั่วไป - ช่วยให้การลดการอักเสบและการฟื้นฟูเซลล์เป็นไปอย่างรวดเร็วและตรงจุด ไม่ใช่แค่ผิวชั้นนอก แต่รวมถึง เนื้อเยื่อ ที่อยู่ลึกลงไป เช่น ข้อต่อและกล้ามเนื้อ
2. การบำบัดแบบไม่รุกล้ำและไม่เจ็บปวด ด้วย Healite II\text{TM} (non-invasive)
โปรแกรมนี้เป็นการรักษาโดยใช้เครื่องมือทางการแพทย์เฉพาะทางอย่าง Healite II\text{TM} ซึ่งมีคุณสมบัติเด่นคือเป็น การบำบัดแบบไม่รุกล้ (non-invasive) ทำให้การรักษามีความปลอดภัยและสบายผิว
มากที่สุด
- คำอธิบายเพิ่มเติม: เนื่องจากเทคโนโลยีนี้ใช้แสงในการกระตุ้น ไม่ใช่ความร้อน หรือการสัมผัสทางกายภาพ จึงไม่ทำให้เกิดความร้อนสูง หรือความเสียหายใด ๆ ต่อผิวหนังชั้นบน คนไข้จะรู้สึกผ่อน
คลายเหมือนกำลังอาบแสงอุ่น ๆ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการแสบร้อน - ประโยชน์: เป็นทางเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่กลัวเจ็บ หรือไม่ต้องการพักฟื้น (No Downtime) สามารถทำเสร็จแล้วกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที เหมาะกับการใช้ร่วมกับการรักษาอื่น ๆ เพื่อเร่ง
การฟื้นตัว
3. เทคโนโลยี Optical Lens Array (OLAT) เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
OLAT คือเทคโนโลยีเลนส์ออปติคอลที่ช่วยควบคุมการกระจายตัวของแสง ทำให้พลังงานแสงที่ส่งผ่านลงสู่ผิวมีความเข้มข้นสูงและมีความสม่ำเสมอในทุกจุดที่สัมผัส
- หัวใจสำคัญของการบำบัดด้วยแสงคือการส่งพลังงานให้ถึงเป้าหมายอย่างแม่นย เทคโนโลยี OLAT จะทำหน้าที่ รวมแสง (Focus) ให้ตกกระทบบริเวณที่รักษาด้วยพลังงานที่เท่ากันทั้งหมด (Uniform
Intensity) ทำให้ทุกตารางนิ้วของผิวได้รับปริมาณแสงที่เหมาะสมในการกระตุ้นเซลล์ - เพิ่มประสิทธิภาพในการบำบัด ให้ผลลัพธ์ที่ได้จากการกระตุ้นเซลล์ การสร้างคอลลาเจน และการลดการอักเสบเป็นไปอย่างรวดเร็วและเห็นผลชัดเจนที่

PROGRAM RED Light THERAPY เหมาะกับใครบ้าง ?
- ผู้ที่ต้องการ ลดบวมหลังผ่าตัดทำศัลยกรรม
- ผู้ที่มีปัญหา สิว, รอยแดง, หรือรอยแผลเป็น
- ผู้ที่ต้องการ ลดริ้วรอย, กระชับผิว
- ผู้ที่มีอาการ ปวดกล้ามเนื้อ หรือปวดข้อต่อเรื้อรัง
- ผู้ที่มีอาการ ผิวบอบบาง แพ้ง่าย หรือผิวอักเสบ
- ผู้ที่มีภาวะ ผมร่วง ผมบาง

Red Light Therapy ต้องทำกี่ครั้ง ถึงเห็นผล?
หลายคนสงสัยว่าต้องท Red Light Therapy บ่อยแค่ไหนถึงจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจน? จริง ๆ แล้วขึ้นอยู่กับปัญหาที่ต้องการแก้ไข แต่โดยรวมแล้วถือเป็นทรีตเมนต์ที่ให้ผลลัพธ์ค่อนข้างรวดเร็วเมื่อทำต่อเนื่องตามคำแนะนำค่ะ
1. ลดอาการบวมแดงหลังทำศัลยกรรม
- จำนวนครั้ง: 1−2 ครั้งต่อสัปดาห์ ต่อเนื่อง 2−3 สัปดาห์
- เห็นผลเมื่อไหร่: อาการบวมแดงจะเริ่ม ลดลงภายใน 24−48 ชั่วโมง หลังทำ
2. ลดสิวอักเสบและสิวเรื้อรัง
- จำนวนครั้ง: 2−3 ครั้งต่อสัปดาห์
- เห็นผลเมื่อไหร่: ปัญหาสิวจะเริ่ม ลดลงและดีขึ้นภายใน 1−2 สัปดาห์
3. กระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม (สำหรับผู้มีภาวะผมร่วงผมบาง)
- จำนวนครั้ง: 2 ครั้งต่อสัปดาห์ ต่อเนื่อง 8−12 สัปดาห์
- เห็นผลเมื่อไหร่: เส้นผมจะเริ่ม แข็งแรงขึ้นและลดการหลุดร่วงภายใน 1 เดือน
4. ฟื้นฟูสภาพผิว ลดริ้วรอยและรอยดำ
- จำนวนครั้ง: 2−3 ครั้งต่อสัปดาห์
- เห็นผลเมื่อไหร่: จะเริ่ม เห็นผลชัดเจนใน 4 สัปดาห์ โดยเฉพาะเรื่องริ้วรอยและความเรียบเนียนของผิว